ธาราบำบัด คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร?

ธาราบำบัด คืออะไร

อีกหนึ่งวิธีรักษาทางกายภาพที่ได้รับความนิยมมากพอสมควรในไทย ก็คือการทำธาราบำบัด ซึ่งถือเป็นวิธีรักษาที่ได้ผลดี และมีประสิทธิภาพสูงมาก เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวร่างกายและผู้สูงอายุเป็นอย่างยิ่ง 

ธาราบำบัดคืออะไร?

ธาราบำบัด คือ การใช้คุณสมบัติของน้ำ เช่น ความดัน หรือแรงต้านของน้ำมาช่วยลดแรงกดของข้อต่อและกล้ามเนื้อ นิยมใช้ในการรักษาและฟื้นฟูร่างกาย มีอีกชื่อเรียกว่า วารีบำบัด

วิธีการรักษาโดยธาราบำบัด นักกายภาพจะให้ผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุเคลื่อนไหวหรือออกกำลังกายในสระว่ายน้ำที่มีอุ่นราว ๆ 34 – 35 องศาเซลเซียส ซึ่งแรงพยุงในน้ำจะทำให้ผู้ป่วยสามารถเคลื่อนไหวอวัยวะที่กำลังมีอาการปวดได้อย่างอิสระมากขึ้น 

สระว่ายน้ำที่ใช้ในการทำธาราบำบัด

เพื่อให้การทำธาราบำบัดเป็นไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ การสร้างสระว่ายน้ำที่ใช้ในการทำวารีบำบัด จึงต้องมีเงื่อนไขดังนี้ 

  • จะเป็นสระที่มีอุณหภูมิประมาณ 34 – 35 องศาเซลเซียส หรือเป็นสระน้ำอุ่นที่ช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัวลงได้ 
  • ความลึกของสระจะต้องไม่เกินระดับอก หรือสูงประมาณ 100 – 110 เซนติเมตร (บางทีอาจขึ้นอยู่กับโปรแกรมบำบัด) 
  • ด้านพื้นสระต้องกันลื่น อาจเป็นพื้นปรับระดับ หรือ slope เพื่อใช้ในการรถเข็น 
  • ด้านระบบน้ำ จะต้องเป็นน้ำเกลือหรือระบบฆ่าเชื้ออ่อนโยนต่อผิว ไม่ระคายเคืองผิวหนังเท่านั้น 
  • ขณะทำวารีบำบัด จะต้องมีเจ้าหน้าที่ดูแลประกบ 1 ต่อ 1 เพื่อความปลอดภัย

ธาราบำบัด มีประโยชน์อย่างไร?

  • บรรเทาอาการปวดตามข้อต่อต่าง ๆ 
  • เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อในผู้ป่วยที่มีอาการอ่อนแรง
  • บรรเทาอาการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อที่มีอาการปวด
  • ลดอาการปวดบวมของกล้ามเนื้อ
  • บรรเทาอาการข้อติด 
  • กระตุ้นความรู้สึกของข้อต่อ
  • เพิ่มความสามารถในการทรงตัว 
  • ช่วยเสริมการทำงานของระบบหายใจ และการไหลเวียนเลือด
  • ช่วยลดความเครียด ทำให้นอนหลับได้ดีขึ้น
  • ลดการรับน้ำหนักของข้อเข่า และข้อสะโพก

ธาราบำบัด เหมาะกับใคร?

  • ผู้ป่วยอัมพฤกษ์ อัมพาต
  • ผู้ที่มีอาการปวดตามข้อ ข้อเสื่อม ข้ออักเสบ
  • ผู้สูงอายุที่มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง
  • ผู้ป่วยออฟฟิศซินโดรม หรือผู้ที่มีอาการปวดหลังเรื้อรัง
  • ผู้ป่วยที่อยู่ในช่วงฟื้นฟูหลังการผ่าตัด
  • สตรีมีครรภ์ที่มีอาการปวดหลัง
  • เด็กที่มีพัฒนาการช้า เช่น เด็กออทิสติก
  • ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก 

ธาราบำบัด ไม่เหมาะกับใคร?

  • ผู้มีโรคติดต่อทางผิวหนัง 
  • ผู้ที่มีบาดแผลที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ 
  • ผู้ที่มีการติดเชื้อในร่างกาย 
  • ผู้ที่มีปัญหาเรื่องระบบหายใจ 
  • ผู้ที่มีปัญหาเรื่องความดันโลหิตสูง
  • ผู้สูงอายุที่ไม่สามารถกลั้นอุจจาระหรือปัสสาวะได้
  • ผู้ที่เป็นโรคลมชัก
  • ผู้ที่แพ้คลอรีน หรือเคมีภัณฑ์สระว่ายน้ำ
  • ผู้ที่กลัวการลงน้ำ

ข้อควรรู้ในการทำธาราบำบัด

  • หากมีไข้หรือมีประจำเดือน ไม่ควรทำธาราบำบัด 
  • ห้ามลงน้ำหลังทานอาหารเสร็จ ควรรอให้อาหารย่อยก่อนประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง 
  • ไม่ควรใส่ชุดที่ดูดซับน้ำมาก เพราะจะทำให้เคลื่อนไหวได้ลำบาก ควรเลือกชุดที่ทำให้สามารถเคลื่อนไหวในน้ำได้สะดวกมากกว่า
  • ไม่ควรใส่เครื่องประดับหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ลงสระว่ายน้ำ
  • ควรเลือกอุปกรณ์ธาราบำบัดให้เหมาะสมกับการฟื้นฟูและการฝึกฝนร่างกาย โดยจะมีให้เลือกทั้งอุปกรณ์ฝึกการทรงตัวในน้ำ อุปกรณ์เพิ่มแรงต้านขณะทำธาราบำบัด อุปกรณ์ช่วยพยุงตัวในน้ำ
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัวควรแจ้งนักกายภาพหรือครูฝึกก่อนทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัย และหากพบอาการผิดปกติระหว่างการทำธาราบำบัด เช่น แน่นนหน้าอก หายใจไม่ออก ควรแจ้งทันที

ธาราบำบัดราคาเท่าไหร่?

การทำธาราบำบัดราคาจะอยู่ที่โปรแกรมที่เลือก หากเลือกทำแบบรายครั้ง ไม่ใช่การรักษาอย่างต่อเนื่อง ราคาจะอยู่ที่หลักร้อยไปจนถึงหลักพันบาท หากเลือกแบบคอร์สที่จะมีการรักษาอย่างต่อเนื่อง ราคาจะเริ่มต้นที่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่นบาท 

ส่วนผู้สูงอายุ หรือผู้ที่ต้องบำบัดเฉพาะทาง ราคาจะอยู่ที่หลักร้อยไปจนถึงหลักพันบาทต่อครั้ง โดยสามารถเลือกใช้บริการได้ตามโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกายภาพบำบัด, ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู, โรงพยาบาลรัฐ และคลินิกเอกชน หรือ Wellness Center ทั่วไป

นอกจากจะช่วยฟื้นฟูสภาพร่างกายได้แล้ว การทำธาราบำบัดยังรักษาสภาพจิตใจ และลดความเครียดให้กับผู้ป่วยได้อีกด้วย เสริมสร้างทั้งความแข็งแรงให้กับร่างกาย และความแข็งแรงทางด้านจิตใจ