ทำไมต้องมีปั๊มน้ำในสระว่ายน้ำ คืออะไร จำเป็นแค่ไหน?

นอกจากความแข็งแรงทนทานแล้ว เรื่องความสะอาดก็เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้สร้างสระว่ายน้ำต้องคำนึงด้วยเช่นกัน ระบบกรองและหมุนเวียนน้ำจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการทำสระว่ายน้ำ ซึ่งจะช่วยขจัดสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่สะสมอยู่ในสระว่ายน้ำ ทำให้ค่าน้ำในสระปลอดภัยต่อสุขภาพผู้ใช้ โดยอุปกรณ์ที่นับว่าเป็นสิ่งสำคัญในระบบเหล่านี้ก็คือ “ปั๊มสระว่ายน้ำ” นั่นเอง
ปั๊มสระว่ายน้ำ คืออะไร?
ปั๊มสระว่ายน้ำ คือ อุปกรณ์ที่เป็นหัวใจสำคัญของระบบหมุนเวียนน้ำ มีหน้าที่ดูดน้ำในสระไปยังระบบกรอง และส่งน้ำสะอาดที่ผ่านการกรองแล้วกลับเข้าสู่สระว่ายน้ำ
ทำไมถึงต้องมีปั๊มสระว่ายน้ำในสระว่ายน้ำ?
อย่างที่กล่าวไปว่า หน้าที่ของปั๊มสระว่ายน้ำก็คือการดูดน้ำและสิ่งสกปรกมาสู่ระบบกรอง จึงช่วยป้องกันการสะสมของเชื้อโรค แบคทีเรีย รวมถึงตะไคร่น้ำในสระว่ายน้ำได้อย่างดี ทั้งยังช่วยกระจายสารเคมีสำหรับการดูแลสระว่ายน้ำในสระว่ายน้ำได้อย่างทั่วถึง ทำให้น้ำมีคุณภาพที่ดี ปลอดภัยกับสุขภาพของผู้ใช้
หากสระว่ายน้ำไม่ได้ติดตั้งปั๊มสระว่ายน้ำ ก็จะส่งผลให้น้ำขาดการหมุนเวียน จนเกิดการสะสมเชื้อโรคและแบคทีเรียต่าง ๆ ได้ ทำให้เกิดน้ำขัง น้ำเขียว มีกลิ่น ไม่ปลอดภัยกับสุขภาพของผู้ใช้งาน ถ้าอยากทำให้น้ำในสระสะอาดโดยไม่ติดตั้งเครื่องปั๊ม ก็จะต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำให้บ่อยขึ้นมาก ๆ ซึ่งใช้เวลาและกำลังคนมากกว่า
โดยปกติแล้ว ควรเปิดปั๊มสระว่ายน้ำวันละ 6–8 ชั่วโมง แต่ถ้าอยู่ในหน้าร้อนควรเปิด 8 ชั่วโมงขึ้นไป เนื่องจากเชื้อโรคและแบคทีเรียจะโตได้เร็วมากกว่าปกติในช่วงหน้าร้อนนั่นเอง
การทำงานของปั๊มสระว่ายน้ำ
การทำงานของปั๊มสระว่ายน้ำจะเริ่มจากการดูดน้ำในสระผ่านท่อดูดด้านล่าง ที่เรียกว่า Skimmer และจะส่งน้ำเข้าไปยังระบบกรอง ที่จะมีทรายกรองน้ำ ไส้กรอง และผงกรองไดอะตอม คอยดักจับเอาสิ่งสกปรกออกจากน้ำ เมื่อได้น้ำที่ใสสะอาดแล้ว ปั๊มสระว่ายน้ำก็จะปล่อยน้ำกลับเข้าสู่สระว่ายน้ำผ่านหัวจ่าย หรือ Inlet โดยจะเกิดการทำงานซ้ำ ๆ อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน
สรุปการทำงานของปั๊มสระว่ายน้ำ
- ดูดน้ำในสระผ่านท่อดูดด้านล่าง (Skimmer)
- ส่งเข้าไปยังระบบกรอง ที่มีทรายกรองน้ำ ไส้กรอง และผงกรองไดอะตอม
- ตัวกรองจะดักจับสิ่งสกปรก
- ปล่อยน้ำสะอาดเข้าสู่สระว่ายน้ำผ่านหัวจ่าย (Inlet)
- ทำงานต่อเนื่องตลอดทั้งวัน
ปั๊มสระว่ายน้ำมีกี่รูปแบบ
ปั๊มสระว่ายน้ำทั่วไป
ปั๊มสระว่ายน้ำขนาดเล็กที่นิยมใช้ในสระว่ายน้ำตามบ้าน คอนโด โรงแรม รวมถึงรีสอร์ททั่วไป มีมอเตอร์ให้เลือกตั้งแต่ 0.5 HP – 3.0 HP เป็นปั้มน้ำสระว่ายน้ำแบบ Self-Priming Centrifugal Pump with Strainer มีตะกร้ากรอง เหมาะกับการใช้งานในสระว่ายน้ำขนาดไม่ใหญ่มาก
ปั๊มสระว่ายน้ำเชิงพาณิชย์
เป็นปั๊มสระว่ายน้ำแบบ Self-Priming Centrifugal Pump with Strainer แต่มีขนาดใหญ่มากกว่าแบบทั่วไป โดยปั้มน้ำสระว่ายน้ำจะมีมอเตอร์ให้เลือกตั้งแต่ขนาด 3.5 HP – 15.0 HP นิยมใช้กับสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ สระว่ายน้ำเชิงพาณิชย์ เช่น สวนน้ำ สวนสนุก สระว่ายน้ำโรงเรียน และสโมสรต่าง ๆ
ปั๊มสระว่ายน้ำแบบเสริมแรง
ปั๊มสระว่ายน้ำแบบเสริมแรง เรียกอีกชื่อว่า บูสเตอร์ปั๊ม เป็นแบบ Centrifugal without Strainer Pump ไม่มีตะกร้ากรองด้านหน้า ไหลเวียนน้ำได้ดี นิยมใช้กับระบบกรองที่ต้องการแรงดูดและแรงส่งสูง มีมอเตอร์ให้เลือกตั้งแต่ 1.0 HP – 15.0 HP เหมาะกับการใช้งานในสระจากุชชี สระสปา รวมถึงสระว่ายน้ำแบบทวนกระแส
ปั๊มสระว่ายน้ำแบบปรับความเร็ว
ปั๊มสระว่ายน้ำที่สามารถปรับความเร็วได้ ข้อดีคือทำงานได้หลายระบบ สามารถปรับได้ตามการใช้งาน ทั้งยังปรับให้อยู่ในรูปแบบประหยัดพลังงานได้อีกด้วย ซึ่งปั๊มดูดตะกอนสระว่ายน้ำแบบปรับความเร็วจะนิยมใช้กับสระว่ายน้ำที่มีหลายระบบ หรือบ่อน้ำพุ และน้ำตกต่าง ๆ
การติดตั้งปั๊มสระว่ายน้ำนับเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะไม่ใช่แค่ลดภาระในการดูแล และเวลาในการทำความสะอาดสระว่ายน้ำลงเท่านั้น แต่ยังยืดอายุการใช้งานให้กับสระว่ายน้ำได้อีกด้วย โดยปั้มสระว่ายน้ำปัจจุบันจะอยู่ที่หลักพันบาท สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์สระว่ายน้ำ และช่องทางออนไลน์ทั่วไป หากต้องการสอบถามเรื่องสระว่ายน้ำเพิ่มเติม ติดต่อ poolspt ผู้ให้บริการดูแลสระว่ายน้ำระดับมืออาชีพ พร้อมให้คำปรึกษาด้านสระว่ายน้ำเพื่อแก้ปัญหาและดูแลให้แบบครบวงจร